เมื่อสูญเสียฟันธรรมชาติไปเนื่องจากโรคเหงือก ปัญหารากฟัน หรือการหลุด หรือหักจากการกระแทกและสึกหรอของฟัน การใส่ฟันปลอมคือทางออกที่จะช่วยคืนความมั่นใจ และความสะดวกสบายในการกินอาหารและใช้ชีวิตให้คุณได้ ซึ่งรูปแบบของฟันปลอมที่เหมือนกับฟันจริงมากที่สุดก็คือ ฟันปลอมแบบติดแน่น หรือ Fixed Denture นั่นเอง หากคุณอยากรู้ว่าฟันปลอมแบบติดแน่นคืออะไร ต้องดูแลยังไงเพื่อยืดอายุการใช้งาน และป้องกันปัญหาอื่น ๆ ที่อาจตามมาจากการดูแลฟันปลอมประเภทติดแน่นไม่ถูกวิธี บทความนี้มีคำตอบให้คุณ
รู้จักฟันปลอมแบบติดแน่น (Fixed Denture)
ฟันปลอมแบบติดแน่น (Fixed Denture) เป็นฟันปลอมแบบถาวรที่ติดอยู่กับเหงือก หรือติดอยู่กับฟันซี่ข้างเคียงของซี่ที่หลุดหายไป โดยผู้ที่ใส่ฟันปลอมประเภทนี้จะไม่สามารถถอดออกมาเพื่อทำความสะอาดได้ ทำให้ดูเนียน และสามารถใช้งานได้เหมือนกับฟันตามธรรมชาติของคนเรานั่นเอง
ฟันปลอมแบบติดแน่นนั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 รูปแบบหลัก ๆ ได้แก่ ฟันปลอมแบบสะพานฟัน และฟันปลอมแบบรากฟันเทียม
สะพานฟัน
สะพานฟัน หรือ Dental Bridge เป็นรูปแบบของฟันปลอมแบบติดแน่นที่ใช้เทคนิคการครอบฟันเข้ามาช่วย โดยจะมีลักษณะเป็นครอบฟันที่เชื่อมติดกันมากกว่า 3 ซี่ขึ้นไปเพื่อทดแทนฟันที่หายไป 1 ซี่ โดยครอบฟันที่อยู่ส่วนปลายจะยึดเข้ากับฟันธรรมชาติทั้งสองข้าง หรือเพียงข้างเดียวก็ได้ นอกจากนั้น ยังมีเทคนิคการทำสะพานฟันที่ยึดด้วยวัสดุเรซิน (Resin-bond bridge) ซึ่งเป็นการยึดฟันปลอมโดยการทำแกนเชื่อมลักษณะคล้ายปีกยึดไว้กับด้านหลังของฟันอีกด้วย
รากฟันเทียม
อีกหนึ่งรูปแบบของการทำฟันปลอมประเภทติดแน่นก็คือ การทำรากฟันเทียมนั่นเอง การทำรากฟันเทียมนั้นจะเป็นการฝังรากฟันเทียมที่ทำจากโลหะไทเทเนียม ลงไปในบริเวณกระดูกและเหงือกที่ว่างอยู่เพื่อทดแทนฟันธรรมชาติ ถือเป็นวิธีการทำฟันปลอมใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด
ข้อดีของฟันปลอมแบบติดแน่น
การทำฟันปลอมแบบติดแน่นมีข้อดีอยู่หลายอย่างด้วยกัน ทั้งในด้านการใช้งาน การดูแลรักษา และความสวยงาม ดังนี้
1. คล้ายฟันจริงมากกว่าแบบถอดได้
ฟันปลอมที่ติดแนบกับฟันอย่างถาวรไม่สามารถถอดออกได้อย่างการทำสะพานฟัน หรือการทำรากเทียม จะทำให้ฟันปลอมดูคล้ายกับฟันตามธรรมชาติมากกว่าฟันปลอมแบบถอดได้ เพราะจะไม่มีรอยต่อที่เห็นได้ชัด และแนบพอดีกับฟันธรรมชาติและดูเป็นหนึ่งเดียวกัน
2. ดูแลเหมือนฟันจริง ไม่ต้องคอยถอด-ใส่
ฟันปลอมรูปแบบถาวรที่ไม่สามารถถอดได้นั้น จะมีวิธีการดูแลคล้ายกับการดูแลฟันตามธรรมชาติ และไม่ต้องคอยถอดออกมาล้าง แล้วจึงใส่ฟันปลอมเข้าไปใหม่ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการทำฟันปลอมแบบสะพานฟัน และรากเทียมไม่สามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้ จึงยิ่งจำเป็นต้องเพิ่มความใส่ใจในการทำความสะอาดฟัน โดยใช้ไหมขัดฟัน และอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ในการทำความสะอาดให้ลึกถึงตามซอกฟันและร่องเหงือกของแต่ละซี่
3. แข็งแรง ทนทาน
เนื่องจากฟันปลอมประเภทติดแน่นนั้นไม่สามารถถอดออกมาได้ และมักทำมาจากวัสดุที่คล้ายฟันจริง ทำให้มีความแข็งแรง และทนทานมากกว่าฟันปลอมแบบถอดได้ ซึ่งฟันปลอใประเภทติดแน่นมักทำมาจากเซรามิกและโลหะประเภทต่าง ๆ แต่ฟันปลอมแบบถอดได้มักทำมาจากอะคริลิก
4. สบายกว่าการใส่ฟันปลอมแบบถอดได้
อีกหนึ่งข้อดีสำคัญที่ทำให้หลาย ๆ คนเลือกทำฟันปลอมแบบติดแน่นมากกว่าแบบถอดได้ก็คือ ความสบายปากและเหงือกในการใส่ฟันปลอม เพราะฟันปลอมแบบติดแน่นจะไม่ทำให้เจ็บ หรือรู้สึกไม่สบายปาก และไม่ต้องกังวลเรื่องฟันปลอมหลวมหลุดอีกด้วย
การทำความสะอาด และดูแลฟันปลอมแบบติดแน่น
เมื่อรู้แล้วว่าฟันปลอมแบบรากเทียม และสะพานฟันมีข้อดีอย่างไรบ้าง หลายคนอาจยังสงสัยว่าฟันปลอมแบบติดแน่นนั้นต้องดูแลอย่างไร ซึ่งเรามีคำตอบมาให้
การทำความสะอาดฟันปลอมแบบติดแน่นที่ถูกวิธีนั้น ก็เหมือนกับการทำความสะอาดฟันธรรมชาติ โดยอาจยึดตามข้อปฏิบัติเหล่านี้
- แปรงฟันให้สะอาด และถูกวิธีอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น
- ควรแปรงฟันทุกครั้งหลังกินอาหารแต่ละมื้อ เพื่อป้องกันไม่ให้เศษอาหารเข้าไปติดที่ใต้สะพานฟัน
- ทำความสะอาดใต้สะพานฟัน และด้านข้างของรากฟันเทียมด้วยเครื่องมือร้อยไหมขัดฟัน (Floss Threader) ร่วมกับไหมขัดฟัน (Dental Floss) เป็นประจำเพื่อทำความสะอาดปากและฟันอย่างทั่วถึง หรือไหมขัดฟันชนิดพิเศษที่เรียกว่า ซุปเปอร์ฟลอส (Super Floss)
- เข้าไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปาก รวมถึงอุปกรณ์ฟันปลอมที่ติดไว้ตามนัดทุกครั้ง
มองหาคลินิกให้บริการทำฟันปลอมแบบติดแน่น ที่พร้อมช่วยให้คุณดูแลสุขภาพช่องปากและฟันอย่างถูกวิธี เพื่อยืดอายุการใช้งานของฟันปลอมได้ เลือก About Tooth Dental คลินิกทันตกรรมที่มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และอุปกรณ์ที่ทันสมัยพร้อมให้บริการคุณอย่างดีที่สุด สามารถนัดเข้ามาปรึกษาปัญหากับคุณหมอ เพื่อหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมก่อนเริ่มทำได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ 02-070-0771 หรือ LINE : @abouttooth (มี @ ด้วย) และช่องทางติดต่ออื่น ๆ ของคลินิก About Tooth Dental