การสูญเสียฟันแท้ไปย่อมส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการบดเคี้ยวอาหาร บุคลิกภาพ หรือการออกเสียง ด้วยเหตุนี้ การทำฟันเทียมจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข ในปัจจุบันมีการรักษาทางทันตกรรมด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ การทำรากฟันเทียมและฟันปลอม ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป แล้วเราควรเลือกรักษาแบบไหนดี มาหาคำตอบกันได้ในบทความนี้
รู้จัก รากฟันเทียม vs ฟันปลอม วิธีรักษาเพื่อทดแทนฟันที่สูญเสียไป
โดยการรักษาทั้งสองวิธี จะมีความแตกต่างกันทั้งเรื่องของรูปแบบการรักษา งบประมาณ และความต้องการส่วนบุคคล มาทำความรู้จักกับทั้งสองวิธีอย่างละเอียด เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง
การทำรากฟันเทียม
รากฟันเทียม (Dental Implants) เป็นการรักษาทางทันตกรรม ด้วยการใช้วัสดุที่ทำจากไทเทเนียม ฝังลงไปในกระดูกขากรรไกรเพื่อทำหน้าที่แทนรากฟัน จากนั้นจึงทำการต่อโครงยึดและใส่ฟันเทียมลงไป
การรักษาด้วยวิธีทำรากฟันเทียม มีประสิทธิภาพในการทดแทนฟันแท้มากที่สุด เนื่องจากรากฟันเทียมจะยึดแน่นไปกับกระดูกขากรรไกร ทำให้สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ ทั้งยังมีความมั่นคงแข็งแรง ใช้งานได้ยาวนาน โดยทั่วไปจะสามารถใช้งานได้มากกว่า 20 ปีเลยทีเดียว
ข้อดีของการทำรากฟันเทียม
- ดูเป็นธรรมชาติ และใช้งานได้ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากที่สุด
- ยึดติดกับกระดูกขากรรไกรอย่างแน่นหนา จึงสามารถเคี้ยวอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- แข็งแรง คงทน
- ติดแน่นถาวร ไม่หลุดหรือเคลื่อนที่
- ช่วยให้รูปลักษณ์ของใบหน้าดูสวยงามเป็นธรรมชาติ
- รากฟันเทียมมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าฟันปลอม
ข้อจำกัด
- ค่าใช้จ่ายสูงกว่าการทำฟันปลอมทั่วไป
- ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ยังไม่สามารถทำรากฟันเทียมได้ เนื่องจากกระดูกขากรรไกรยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่
- ใช้เวลาในการรักษานานกว่าการทำฟันปลอม
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคปริทันต์อักเสบรุนแรง โรคไฮเปอร์ไทรอยด์ อาการไขข้ออักเสบรุนแรง หรือผู้ที่มีปัญหาเรื่องการ
- ควบคุมกล้ามเนื้อ จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์อย่างใกล้ชิด
การทำฟันปลอม
ฟันปลอม (Dentures) เป็นวัสดุทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไป มีทั้งแบบถอดได้และแบบติดแน่น โดยทั้ง 2 แบบ จะมีลักษณะดังนี้
- ฟันปลอมแบบถอดได้ ซี่ฟันปลอมผลิตจากพลาสติกหรือคอมโพสิต ส่วนตัวฐานจะทำมาจากอะคริลิกหรือโลหะ โดยจะออกแบบให้สามารถวางบนสันเหงือกหรือเพดานปาก มีลักษณะคล้ายกับแผ่นอะคริลิกที่วางอยู่บนเหงือก สามารถถอดเข้าออกได้เอง จึงง่ายต่อการทำความสะอาด แต่อาจทำให้รู้สึกอึดอัด หลวม หรือหลุดขณะเคี้ยวอาหารได้
- ฟันปลอมแบบติดแน่น ซี่ฟันมักทำมาจากวัสดุที่เป็นเซรามิกหรือโลหะ มีลักษณะคล้ายกับฟันธรรมชาติ ยึดติดกับฟันข้างเคียงหรือกระดูกขากรรไกร ช่วยให้เคี้ยวอาหารได้ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ แต่มีข้อจำกัดในการเคลื่อนย้าย เพราะจะไม่สามารถถอดออกได้
ข้อดีของการทำฟันปลอม
- การทำฟันปลอมมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่ารากฟันเทียม
- ฟันปลอมใช้เวลาในการรักษาน้อยกว่ารากฟันเทียม
- ผู้ป่วยสามารถถอดเข้าออก เพื่อทำความสะอาดได้รอบด้านด้วยตัวเอง
ข้อจำกัด
- อาจหลุดหรือเคลื่อนได้
- ไม่รู้สึกเหมือนฟันธรรมชาติ
- ประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวไม่เท่ารากฟันเทียม
- ฟันปลอมจะมีอายุการใช้งานสั้นกว่ารากฟันเทียม
- เหงือกและกระดูกที่รองรับฟันปลอม จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่คลอด จึงทำให้ฟันปลอมหลวมมากขึ้นเรื่อยๆได้ จนทำให้ต้องทำฟันปลอมชิ้นใหม่เรื่อยๆ
รากฟันเทียม vs ฟันปลอม ควรเลือกแบบไหนดี?
- สภาพของกระดูกขากรรไกร
หากกระดูกขากรรไกรแข็งแรงเพียงพอ การทำรากฟันเทียมจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมมากกว่า เนื่องจากรากฟันเทียมจะสามารถยึดติดกับกระดูกขากรรไกรได้อย่างแน่นหนา ส่งผลให้เคี้ยวอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
- งบประมาณ
การทำรากฟันเทียมมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าฟันปลอม แต่หากมีงบประมาณที่จำกัด การทำฟันปลอมอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า
- การใช้งาน
หากต้องการฟันที่ยึดติดกับกระดูกขากรรไกรอย่างแน่นหนา และสามารถเคี้ยวอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทำรากฟันเทียมจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมมากกว่า
จะเห็นได้ว่า การรักษาด้วยวิธีทำรากฟันเทียมจะสามารถทดแทนฟันแท้ที่สูญเสียไปได้ในระยะยาว และมีความเป็นธรรมชาติมากกว่าการใส่ฟันปลอม แต่ก็มาพร้อมกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น รวมถึงใช้เวลาในการรักษาที่นานกว่าการทำฟันปลอมด้วย แต่ถ้าใครต้องการใช้ฟันได้อย่างรวดเร็ว ฟันปลอมก็อาจตอบโจทย์ได้มากกว่า ดังนั้น หากจะเลือกรักษาด้วยวิธีไหนดี อาจต้องดูถึงความต้องการของตนเองเป็นหลัก รวมถึงปัจจัยด้านปัญหาสุขภาพฟันของแต่ละคน ทั้งนี้ควรไปปรึกษากับทันตแพทย์เพื่อขอคำแนะนำก็จะเหมาะสมที่สุด
แต่สำหรับใครที่คิดว่า การทำรากฟันเทียม คือทางเลือกที่ตอบโจทย์กับตนเองที่สุด ขอแนะนำ About Tooth Dental คลินิกทันตกรรมที่มีบริการใส่รากฟันเทียม ใช้วัสดุคุณภาพสูง ให้บริการโดยทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ และเครื่องมือที่ทันสมัย เพื่อแก้ปัญหาสุขภาพฟัน และได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
หากสนใจสามารถนัดเข้ามาปรึกษาปัญหากับทันตแพทย์ เพื่อหาแนวทางการรักษาได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ 02-070-0771 และ LINE : @abouttooth (มี @ ด้วย) หรือช่องทางติดต่ออื่น ๆ ของคลินิก About Tooth Dental
- แหล่งอ้างอิง
- Implants vs dentures . สืบค้นเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 จาก https://www.bupa.co.uk/dental/dental-care/treatments/dental-implants/alternative-treatments/implants-vs-dentures